ในการพัฒนาและขับเคลื่อนระบบอัตโนมัติและโรงงานอุตสาหกรรมในยุคปัจจุบัน สายไฟคอนโทรลถือเป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นสื่อกลางในการส่งสัญญาณควบคุมระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ เช่น PLC, อินเวอร์เตอร์, มอเตอร์, เซ็นเซอร์ และอุปกรณ์ควบคุมอื่นๆ เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างแม่นยำ มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย การเลือกใช้งานสายไฟคอนโทรลที่เหมาะสมจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้
สายไฟคอนโทรลในระบบอัตโนมัติและโรงงานอุตสาหกรรมจะต้องรองรับการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความหลากหลาย ทั้งในเรื่องของอุณหภูมิ ความชื้น การสั่นสะเทือน ฝุ่นละออง น้ำมัน รวมไปถึงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่อาจรบกวนสัญญาณ จึงจำเป็นต้องเลือกสายไฟที่มีคุณสมบัติตรงกับลักษณะการใช้งาน เช่น การมีฉนวนและเปลือกหุ้มที่สามารถต้านทานสารเคมีและรังสี UV การป้องกันการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้าด้วยชิลด์แบบถักทองแดงหรือแผ่นอลูมิเนียม
มาตรฐานความปลอดภัย ไปจนถึงการติดตั้งและการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง
และความสามารถในการทนความร้อนหรือไฟลุกไหม้ตามมาตรฐานความปลอดภัยของแต่ละประเทศในการติดตั้งสายไฟคอนโทรลในโรงงาน จำเป็นต้องคำนึงถึงเส้นทางการเดินสายที่ปลอดภัย สายไฟคอนโทรลลดความเสี่ยงจากการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือการเสื่อมสภาพของสายที่เกิดจากการเสียดสีหรือแรงดึง โดยทั่วไปแล้วมักติดตั้งภายในรางวางสาย (cable tray) หรือท่อร้อยสาย (conduit) เพื่อป้องกันความเสียหาย สายไฟคอนโทรลและยังช่วยให้การจัดการบำรุงรักษาทำได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาเรื่องระยะทางของการส่งสัญญาณ หากระยะทางไกลเกินไป
โดยไม่มีการออกแบบอย่างเหมาะสม อาจเกิดการสูญเสียสัญญาณหรือเกิดสัญญาณรบกวนได้ ดังนั้นการเลือกขนาดหน้าตัดของสายให้เหมาะสมกับภาระโหลดและระยะทางจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสายไฟคอนโทรลมีให้เลือกใช้งานหลายประเภท ทั้งแบบมีชีลด์และไม่มีชีลด์ แบบฝังดิน แบบเคลื่อนที่ตามราง หรือแบบคงที่ โดยสายแบบมีชีลด์จะช่วยป้องกันสัญญาณรบกวนได้ดี เหมาะสำหรับงานที่มีความไวต่อสัญญาณ เช่น ระบบควบคุมมอเตอร์เซอร์โวหรือระบบที่ใช้เซ็นเซอร์ละเอียด ส่วนสายแบบไม่มีชีลด์อาจเหมาะกับงานทั่วไปที่ไม่มีปัญหาสัญญาณรบกวนมากนัก
การใช้งานสายไฟคอนโทรลในระบบอัตโนมัติและโรงงานอุตสาหกรรม
อีกหนึ่งประเด็นที่ไม่ควรมองข้ามคือมาตรฐานอุตสาหกรรมและกฎหมายความปลอดภัยที่เกี่ยวข้อง เช่น มาตรฐาน IEC, UL, CSA หรือ TIS ของไทย ซึ่งสายไฟคอนโทรลที่ใช้ในโรงงานควรได้รับการรับรองตามมาตรฐานเหล่านี้เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพ ความปลอดภัย และความทนทานในระยะยาว การเลือกผู้ผลิตสายไฟคอนโทรลหรือแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในวงการจึงเป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงในการใช้งานในระยะยาวนอกจากคุณสมบัติทางเทคนิคของสายไฟแล้ว
การวางแผนระบบควบคุมโดยรวมให้มีประสิทธิภาพก็เป็นสิ่งจำเป็น สายไฟคอนโทรลควรถูกติดตั้งอย่างเป็นระเบียบ เพื่อให้การดูแลบำรุงรักษาในอนาคตทำได้สะดวกและปลอดภัย สายไฟคอนโทรล vsf รวมถึงการทำป้ายชื่อสาย (cable tagging) เพื่อระบุหน้าที่ของสายแต่ละเส้นก็ช่วยลดเวลาในการตรวจสอบหรือซ่อมแซมได้อย่างมาก หากมีการออกแบบและจัดการสายไฟอย่างมีระบบ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้การทำงานของระบบอัตโนมัติมีเสถียรภาพ
