ฟังเพลงคลาสสิกทำให้ฉลาดขึ้นจริงหรือไม่

.3

ฟังเพลงคลาสสิกทำให้ฉลาดขึ้นจริงหรือเคยมีใครได้ยินเรื่องที่ว่า ถ้าเราให้เด็กฟังเพลงคลาสสิกโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลงของโมสาร์ท แล้วเด็กจะฉลาดบ้างไหม คราวนี้ เราจะมาดูกันว่า แนวคิดในเรื่องนี้มีความเป็นวิทยาศาสตร์แท้หรือวิทยาศาสตร์เทียมแค่ไหน อย่างไร โมสาร์ทเอ็ฟเฟคท์ แนวคิดข้างต้นมีชื่อเรียกเฉพาะว่า โมสาร์ทเอ็ฟเฟคท์ ผู้ที่คิดคำนี้ขึ้นก็คือ อัลเฟรด โทเมทิส แต่แนวคิดเรื่องนี้ถือกำเนิดขึ้นก่อนหน้านั้นในปี 2536 ด้วยความร่วมมือของนักฟิสิกส์ชื่อ กอร์ดอน ชอว์ และผู้ชำนาญการเกี่ยวกับเรื่องพัฒนาการของสมอง และเป็นอดีตนักเล่นไวโอลินในวงคอนเสิร์ตอีกชื่อ ฟรานเชส รอสเชอร์ ทั้งคู่ได้ศึกษาผลกระทบต่อนักศึกษาจำนวน 36 คน หลังจากฟังเพลงชื่อ โซนาตาในดีเมเจอร์สำหรับเปียโนคู่ ของโมสาร์ทไปราว 10 นาที

ผลที่ได้ทำให้หลายคนต้องประหลาดใจ เพราะพวกเขาพบว่า การฟังเพลงดังกล่าว ทำให้นักศึกษามีความสามารถ ในการทำแบบทดสอบไอคิว ชนิดสแตนฟอร์ด-ไบเนท ดีขึ้นราว 8-9 จุด วิธีการที่พวกเขาทดสอบก็คือ ให้พวกนักศึกษาทดลอง การพับและตัดกระดาษ ปรากฏว่า สื่อมวลชนสนใจผลงานดังกล่าวกันอย่างมากส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะผลการวิจัยดังกล่าว ตีพิมพ์อยู่ในวารสารวิทยาศาสตร์Nature ที่โด่งดังและได้รับความเชื่อถือเป็นอย่างสูงต่อมา ยังมีการกล่าวอ้างเพิ่มเติมออกไปอย่างกว้างขวางชนิดที่ว่า ไม่เกรงใจผลการทดลองจริงๆ ว่า ถ้าพ่อแม่ผู้ปกครองเปิดเพลงคลาสสิกให้คุณลูกที่ยังแบเบาะหรือยังเล็กอยู่ รวมไปถึงฟังเพลงดังกล่าวขณะที่ตั้งครรภ์จะให้ผลแบบเดียวกัน

แต่ข้ออ้างดังกล่าวไม่มีผลการทดลองยืนยันแต่อย่างใดตัวนักวิจัยคนหนึ่งเองคือ ชอว์ก็เข้าร่วมขบวนแห่ขบวนเห่อแนวคิดดังกล่าวไปด้วย โดยการออกหนังสือและแผ่นซีดีชื่อ Keeping Mozart in Mind ในช่วงเวลาภายหลังการตีพิมพ์ผลการวิจัยไปแล้ว 6 ปีชอว์เองตีความผลการทดลองว่า แบบทดสอบที่ใช้เป็นแบบทดสอบวัดการใช้เหตุผล ซึ่งจำเป็นต่อระบบความจำซึ่งเกี่ยวข้องกับการเรียนคณิตศาสตร์ วิศวกรรม และวิทยาศาสตร์ด้วย ดังนั้น การฟังเพลงดังว่า ก็น่าจะเพิ่มระดับสติปัญญาได้ด้วย มีคำกล่าวอ้างเกินจริงอันน่าพิศวงเกี่ยวกับโมสาร์ทเอ็ฟเฟคท์อยู่หลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น มีผู้กล่าวอ้างว่าผลการทดลองของชอว์และรอสเชอร์ แสดงให้เห็นว่า นักศึกษาทำคะแนนการสอบ SAT (เป็นแบบทดสอบมาตรฐานแบบหนึ่ง ที่ใช้ช่วยในการคัดเลือกนักศึกษา เพื่อเข้าเรียนในสถาบันการศึกษาชั้นสูง ในประเทศสหรัฐ) ได้เพิ่มถึง 51 จุด แม้ว่าผลการทดลองข้างต้น ที่ผมเล่าให้ฟังนั้น จะไม่เกี่ยวอะไรกับการสอบ SAT เลยก็ตาม